
วิธี เลี้ยงปลาทับทิม และปลานิลปลาที่สร้างรายได้
เลี้ยงปลาทับทิม เป็นปลาน้ำจืดที่นิยมเลี้ยงกันมากในประเทศไทย เนื่องจากเป็นปลาที่โตเร็ว เลี้ยงง่าย และทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี วิธีการเลี้ยงปลานิลและเลี้ยงปลาทับทิมในกระชัง มีดังนี้ การเตรียมบ่อ บ่อเลี้ยงปลาควรมีขนาดที่เหมาะสม ไม่ควรเล็กเกินไป เพื่อป้องกันปลากัดกันเอง บ่อควรมีความยาวไม่น้อยกว่า 10 เมตร กว้างไม่น้อยกว่า 5 เมตร ลึกประมาณ 1 เมตร เลี้ยงปลาทับทิมในบ่อซีเมนต์ บ่อควรมีระบบน้ำเข้าและน้ำออกตลาดปลาทับทิม เพื่อหมุนเวียนน้ำในบ่อให้สะอาด พื้นบ่อควรปูด้วยดินเหนียวหรือทรายเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสารเคมี บ่อควรมีหลังคาเพื่อป้องกันแสงแดดและฝน ขุดบ่อเลี้ยงปลา
เลี้ยงปลาทับทิม ปลาน้ำจืดนิยมเลี้ยงกันมากในประเทศไทย
การเพาะเลี้ยงปลาทับทิมมีขั้นตอนดังนี้
- การเตรียมบ่อเลี้ยง บ่อเลี้ยงคู่มือเลี้ยงปลาทับทิมควรมีขนาดที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับจำนวนปลาที่จะเลี้ยง บ่อควรมีระบบน้ำไหลเวียนดี เพื่อป้องกันการสะสมของเสียและโรคระบาด บ่อควรมีระดับน้ำลึกประมาณ 1-2 เมตร และควรมีการบำบัดคุณภาพน้ำก่อนปล่อยปลาลงเลี้ยง
- การเตรียมลูกปลา ลูกปลาทับทิมควรมีขนาดประมาณ 1-2 นิ้ว หรือน้ำหนักประมาณ 1-2 กรัม ควรเลือกลูกปลาที่แข็งแรง ไม่เป็นโรค ไม่พิการ และมีสีสันสวยงาม

- การปล่อยลูกปลา ควรปล่อยลูกปลาลงเลี้ยงในตอนเช้าหรือเย็นที่มีอากาศเย็นสบาย ควรปล่อยลูกปลาทีละน้อย เพื่อให้ปลามีเวลาปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่
- การให้อาหาร ปลาทับทิมเป็นปลากินพืชและสัตว์น้ำขนาดเล็ก การให้อาหารควรให้อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เช่น อาหารเม็ดสำเร็จรูปหรืออาหารสด เช่น ไรแดง กากหมู ผักสด เป็นต้น ควรให้อาหารวันละ 2-3 มื้อ เช้าและเย็น
- การจับปลา ปลาทับทิมสามารถจับขายได้เมื่อมีอายุประมาณ 6-8 เดือน หรือมีน้ำหนักประมาณ 1-2 กิโลกรัม วิธีการจับปลาทับทิมมีหลายวิธี เช่น จับด้วยเบ็ดตกปลา จับด้วยอวน หรือจับด้วยแห
การเตรียมพันธุ์ปลาเพื่อการ เลี้ยงปลาทับทิม
ควรเลือกซื้อพันธุ์ปลาที่แข็งแรงสมบูรณ์ ปลอดโรค พันธุ์ปลานิลและวิธีเลี้ยงปลาทับทิมที่นิยมเลี้ยงกัน ได้แก่ พันธุ์ปลานิลปากจิ้งจก เลี้ยงปลาทับทิมในบ่อดิน พันธุ์ปลาทับทิมอินเดีย เป็นต้น
- การปล่อยปลา ควรปล่อยปลาลงบ่อเมื่อบ่อสะอาดและพร้อมเลี้ยงแล้ว อัตราปล่อยปลาที่เหมาะสมคือ 100-200 ตัวต่อไร่
- การให้อาหาร ปลานิลและอาหารปลาทับทิมเป็นปลาที่กินอาหารได้ทุกชนิด ในช่วงแรกควรให้อาหารลูกปลาวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละเล็กน้อย เมื่อปลาโตขึ้นสามารถให้อาหารวันละ 1 ครั้ง ปริมาณอาหารประมาณ 5-10% ของน้ำหนักปลา
- การจับปลา ปลานิลและเทคนิคเลี้ยงปลาทับทิมสามารถจับขายได้เมื่อมีอายุประมาณ 3-4 เดือน น้ำหนักประมาณ 0.5-1 กิโลกรัม
- การดูแลรักษา ควรหมั่นตรวจสอบสภาพบ่อและน้ำในบ่ออย่างสม่ำเสมอ หากพบปัญหาควรรีบแก้ไขทันที เพื่อป้องกันโรคระบาดในปลา
- โรคที่พบบ่อย โรคที่พบบ่อยในปลานิลและปลาทับทิม ได้แก่ โรคเหงือกบวม โรคเกล็ดหลุด โรคจุดขาว โรคหิด เป็นต้น หากพบปลาที่เป็นโรคควรแยกกักไว้และรักษาทันที

หลักการเลี้ยงปลาทับทิมแบบธรรมชาติ
การเลี้ยงปลาทับทิมแบบธรรมชาติ อาศัยหลักการดังต่อไปนี้
- ใช้อาหารธรรมชาติ ปลาทับทิมเป็นปลาที่กินอาหารได้ทั้งพืชและสัตว์ โดยในช่วงแรกจะกินอาหารจำพวกแพลงก์ตอนพืชและสัตว์เป็นอาหารหลัก เมื่อปลาโตขึ้นก็จะกินพืชน้ำและแมลงเป็นอาหารเสริม เราสามารถเพิ่มปริมาณอาหารธรรมชาติในบ่อได้ด้วยการใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงในบ่อ
- รักษาคุณภาพน้ำ คุณภาพน้ำที่ดีจะช่วยให้ปลาเจริญเติบโตได้ดีและแข็งแรง เราสามารถรักษาคุณภาพน้ำได้ด้วยการถ่ายน้ำออกสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง และเติมน้ำใหม่ลงไปแทนที่
- ป้องกันโรคระบาด โรคระบาดเป็นปัญหาสำคัญที่อาจทำให้ปลาตายได้ เราควรหมั่นตรวจสอบสภาพบ่อและปลาอย่างสม่ำเสมอ หากพบปัญหาควรรีบแก้ไขทันที
ขั้นตอนในการ เลี้ยงปลาทับทิม แบบธรรมชาติ
การเลี้ยงปลาทับทิมแบบธรรมชาติ มีขั้นตอนดังนี้
เตรียมบ่อ บ่อเลี้ยงปลาควรมีขนาดที่เหมาะสม ไม่ควรเล็กเกินไป บ่อควรมีความยาวไม่น้อยกว่า 10 เมตร กว้างไม่น้อยกว่า 5 เมตร ลึกประมาณ 1 เมตร บ่อควรมีระบบน้ำเข้าและน้ำออก เพื่อหมุนเวียนน้ำในบ่อให้สะอาด พื้นบ่อควรปูด้วยดินเหนียวหรือทรายเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสารเคมี บ่อควรมีหลังคาเพื่อป้องกันแสงแดดและฝน

- เตรียมพันธุ์ปลา ควรเลือกซื้อพันธุ์ปลาที่แข็งแรงสมบูรณ์ โรคปลาทับทิม ปลอดโรค พันธุ์ปลาทับทิมที่นิยมเลี้ยงกัน ได้แก่ พันธุ์ปลาทับทิมอินเดีย
- ปล่อยปลา ควรปล่อยปลาลงบ่อเมื่อบ่อสะอาดและพร้อมเลี้ยงแล้ว อัตราปล่อยปลาที่เหมาะสมคือ 100-200 ตัวต่อไร่ ขายปลาทับทิม
- การให้อาหาร ในช่วงแรกควรให้อาหารลูกปลาวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละเล็กน้อย เมื่อปลาโตขึ้นสามารถให้อาหารวันละ 1 ครั้ง ปริมาณอาหารประมาณ 5-10% ของน้ำหนักปลา
- การดูแลรักษา ควรหมั่นตรวจสอบสภาพบ่อและน้ำในบ่ออย่างสม่ำเสมอ หากพบปัญหาควรรีบแก้ไขทันที
วิธีเลี้ยงปลาทับทิมให้โตเร็ว
เลี้ยงปลาทับทิมแบบธรรมชาติ เป็นปลาที่โตเร็วอยู่แล้ว แต่หากต้องการให้โตเร็วยิ่งขึ้น สามารถทำได้ดังนี้
- ใช้พันธุ์ปลาที่แข็งแรงสมบูรณ์ พันธุ์ปลาทับทิมที่นิยมเลี้ยงกัน ได้แก่ พันธุ์ปลาทับทิมอินเดีย
- เตรียมบ่อเลี้ยงปลาให้เหมาะสม บ่อเลี้ยงปลาควรมีขนาดที่เหมาะสม ไม่ควรเล็กเกินไป บ่อควรมีความยาวไม่น้อยกว่า 10 เมตร กว้างไม่น้อยกว่า 5 เมตร ลึกประมาณ 1 เมตร บ่อควรมีระบบน้ำเข้าและน้ำออก เพื่อหมุนเวียนน้ำในบ่อให้สะอาด พื้นบ่อควรปูด้วยดินเหนียวหรือทรายเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสารเคมี บ่อควรมีหลังคาเพื่อป้องกันแสงแดดและฝน อุปกรณ์เลี้ยงปลาทับทิม
- ปล่อยปลาลงบ่อในอัตราที่เหมาะสม อัตราปล่อยปลาที่เหมาะสมคือ 100-200 ตัวต่อไร่
- ให้อาหารปลาอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอ ปลาทับทิมเป็นปลาที่กินอาหารได้ทั้งพืชและสัตว์ โดยในช่วงแรกจะกินอาหารจำพวกแพลงก์ตอนพืชและสัตว์เป็นอาหารหลัก เมื่อปลาโตขึ้นก็จะกินพืชน้ำและแมลงเป็นอาหารเสริม ในช่วงแรกควรให้อาหารลูกปลาวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละเล็กน้อย เมื่อปลาโตขึ้นสามารถให้อาหารวันละ 1 ครั้ง ปริมาณอาหารประมาณ 5-10% ของน้ำหนักปลา
- รักษาคุณภาพน้ำให้เหมาะสม คุณภาพน้ำที่ดีจะช่วยให้ปลาเจริญเติบโตได้ดีและแข็งแรง เราสามารถรักษาคุณภาพน้ำได้ด้วยการถ่ายน้ำออกสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง และเติมน้ำใหม่ลงไปแทนที่
- ป้องกันโรคระบาด โรคระบาดเป็นปัญหาสำคัญที่อาจทำให้ปลาตายได้ เราควรหมั่นตรวจสอบสภาพบ่อและปลาอย่างสม่ำเสมอ หากพบปัญหาควรรีบแก้ไขทันที ฟาร์มปลาทับทิม
อาหารปลาทับทิมมีอะไรบ้าง

- อาหารเม็ด อาหารเม็ดเป็นอาหารหลักของปลาทับทิม โดยควรเป็นอาหารเม็ดที่มีคุณภาพ อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของปลา ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน และเกลือแร่ อาหารเม็ดสำหรับพันธุ์ปลาทับทิมมีให้เลือกหลายยี่ห้อ หลายสูตร สามารถเลือกซื้อได้ตามความต้องการ
- พืชน้ำ พืชน้ำเป็นอาหารเสริมของปลาทับทิม ปลาทับทิมจะกินพืชน้ำจำพวกสาหร่าย ผักตบชวา และแหน พืชน้ำสามารถหาได้จากแหล่งน้ำธรรมชาติ หรือปลูกเองในบ่อเลี้ยงปลา
- แมลง แมลงเป็นอาหารเสริมของปลาทับทิม ปลาทับทิมจะกินแมลงจำพวกยุง แมลงวัน และตัวหนอน แมลงสามารถหาได้จากแหล่งน้ำธรรมชาติ หรือเลี้ยงเองในบ่อเลี้ยงปลา
- การให้อาหารปลาทับทิม การให้อาหารปลาทับทิมควรให้อย่างเพียงพอและสม่ำเสมอ โดยในช่วงแรกควรให้อาหารลูกปลาวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละเล็กน้อย เมื่อปลาโตขึ้นสามารถให้อาหารวันละ 1 ครั้ง ปริมาณอาหารประมาณ 5-10% ของน้ำหนักปลา
อ้างอิงมาจาก